ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

รัสเซีย: Rooftop Tour ไต่หลังคา แตะขอบฟ้าเมือง St. Petersburg


สวัสดีอีกครั้งจากเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซียค่ะ ช่วงนี้ใกล้กลับประเทศไทยแล้ว ก็เลยพอมีเวลามารีวิวทริปเล็ก ทริปน้อย เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยมาเที่ยวรัสเซียกันเยอะขึ้นนะคะ (ติดตามกระทู้เก่าที่เคยรีวิวทริปสั้นๆของพวกเราได้ตามสะดวกเลยค่ะ) ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กและเมืองรอบๆข้างเคียงมันทั้งสวย ทั้งขลัง ดังนั้นว่างเมื่อไหร่เป็นต้องจองตั๋วรถไฟออกไปเที่ยวกันค่ะ แต่ทริปที่มารีวิวครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นทริปที่ไม่ได้ออกไปนอกเมือง ไม่ได้ไปเที่ยวสถานที่สำคัญของเมือง ไม่ได้อยู่ในที่ราบ ไม่ได้อยู่บนพื้นทวีป แต่พวกเรากำลังอยู่บนหลังคาบ้านคนอื่นค่ะ!!!


หลังจากเห็นภาพสวยๆในมุมสูงมากมายของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก พวกเราก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลว่าทำยังไงถึงจะได้ไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นบ้าง แน่นอนว่าจะไปปีนบ้านใครสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าไม่ตกลงมา ก็มีหวังถูกจับติดคุกรัสเซียเป็นแน่แท้ ประจวบเหมาะกับที่การที่อูดาชีเสนอตัวเป็นสปอนเซอร์พาไปชมเมืองมุมสูงแบบที่คนรัสเซียเองยังต้องประหลาดใจ พวกเรารีบตกลงกันทันที ในที่สุดก็ได้เป็นทริป รูฟท็อป (Rooftop) ให้ไปแตะขอบฟ้าครั้งนี้ขึ้นมาค่ะ


การปีนขึ้นรูฟท็อปไม่ใช่ว่าใครจะไปก็ได้ ต้องมีเส้นสายกับเจ้าของตึกที่จะไปปีน ต้องรู้จักทางหนีทีไล่ รู้วิธีเปิดประตู วิธีลอดใต้หลังคา เรียกว่าต้องเซียนค่ะ ถึงจะได้ขึ้นไปบ้าง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องพึ่งพาไกด์ชาวรัสเซียที่อูดาชีแนะนำมาให้พาขึ้นไปค่ะ ซึ่งไกด์ของเราในวันนี้ชื่อมาการิต้า นางเป็นสาวชาวรัสเซียที่พูดภาษาอังกฤษได้ แถมเคยไปเมืองไทยมาแล้วตั้งหลายรอบ ก็เลยตี้ซี้กันได้ไม่ยากค่ะ

อันดับแรกเลยพวกเรามาถึงสถานีเมโตรดอสตาเยฟสกายา (Dostoevskaya) ตามเวลานัดคือ 1 ทุ่ม สำหรับใครที่คิดว่าดึกไปมั้ย ขอบอกว่าไม่จริงค่ะ เพราะยิ่งในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เป็นช่วงที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสว่างไปทั้งเมือง ทั้งวัน ทั้งคืน เรียกว่า White Nights เวลาประมาณทุ่มกว่าๆนี่แหละ จึงเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในการขึ้นชมรูฟท็อปเคล้าแสงทองของพระอาทิตย์


มาการิต้าเดินนำพวกเราอ้อมตึกแล้วตึกเล่า ผ่านพื้นที่ใช้สอยระหว่างตึกที่เรียกว่าคอร์ท ยาร์ด (court yard) บ้างก็เป็นสวน บ้างเป็นสนามเด็กเล่น เรียกง่ายๆว่าเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของคนในตึกนั่นเอง และแล้วหลังจากเดินกันมาสัก 10 นาที พวกเราก็ได้มาถึงตึกเป้าหมาย จะเห็นว่าตึกดังกล่าวถูกปิดอย่างแน่นหนาด้วยประตูเหล็กหลายชั้น แต่มาการิต้าก็ไม่หวั่น นางเอื้อมมือลอดลูกกรงผ่านช่องแคบๆ เพื่อไปสะเดาะกลอน ก่อนจะยิ้มร่าบอกว่าเป็นเคล็ดลับง่ายๆในการเข้าตึกนี้ พวกเราเริ่มกังวลว่าจะถูกใครกล่าวหาว่าแอบเข้าบ้านคนอื่นรึเปล่านี่ แต่มาการิต้าคอนเฟิร์มเต็มที่ว่านางซี้กับเจ้าของตึกเป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วง

หลังจากเข้ามาภายในอาคารได้แล้ว จะเห็นว่าตึกแห่งนี้สร้างขึ้นโดยมีพื้นที่ตรงกลางให้เป็นคอร์ท ยาร์ดเอาไว้นั่งจิบน้ำชายามบ่าย มาการิต้าเล่าว่าสาเหตุที่คนรัสเซียนิยมอาศัยอยู่ในตึกแบบนี้เพราะว่าพื้นที่เมืองหนาแน่น อีกทั้งบ้านก็ราคาแพงมาก คนรัสเซียส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ แต่ยังดีที่มีคอร์ท ยาร์ดข้างล่างให้ได้นั่งเม้ามอยกับเพื่อนฝูงบ้าง ในอดีตคอร์ท ยาร์ดเหล่านี้ก็เป็นสถานที่ซ่องสุมขององค์การใต้ดินต่างๆเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐบาลอีกด้วย แต่ที่พิเศษมากๆเลยก็คือ เกือบทุกคอร์ท ยาร์ด จะได้รับการออกแบบเป็นรูปต่างๆ อย่างเช่นตึกที่เรามาวันนี้ก็ถูกออกแบบให้เป็นรูปกีบเท้าม้า แต่ต้องแหงนหน้ามองให้ดีในมุมที่ถูกต้องด้วยนะคะ


เดินชมคอร์ท ยาร์ดไปพลางๆ สุดท้ายเราก็เข้ามาในตัวอาคารจนได้ มาการิต้านำเราไปทางบันไดหนีไฟ เดินขึ้นไปหลายต่อหลายชั้นจนหอบแฮ่ก ก่อนจะมาหยุดตรงห้องใต้หลังคาของตัวอาคาร จุดนั้นมืดมาก ไม่สามารถมองอะไรเห็นได้เลยจริงๆ แต่ด้วยความช่ำชองของมาการิต้า นางสามารถไขกุญแจท่ามกลางความมืดมิดก่อนที่จะเปิดหน้าต่างบานเล็กๆของห้องใต้หลังคาและชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้เราไต่ออกไป


ถึงแม้จะทุลักทะเลในการยกตัวหนักๆของพวกเราลอดออกจากหน้าต่างบานเล็กๆเพื่อปีนออกสู่หลังคาของตึก แต่เมื่อรูม่านตาของพวกเรากลับคืนมาสู่สภาพปกติแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ได้เห็นความงามของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กที่เราเฝ้าอุตส่าห์ฝันถึง ภาพแรกที่เห็นคือมันสวยงามมากกกกกกกกกกกกก ภาพของหลังคาสีสนิม กับตึกสีเหลืองแก่สลับสีชมพูอ่อน มันโคตรเข้ากัน มันคลาสสิค มันวินเทจ มันคูล มันโรแมนติก คือมันสวยกว่าที่คิดเยอะมากกกกกก เหมือนเรามาอยู่ในจุดที่มันไม่ได้จะมีใครมาเห็นกันได้ พวกเราทุกคนเงียบสนิทเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ประกอบกับลมที่พัดสบายๆ ทำให้แอบเคลิ้มจนไม่มีใครสนใจมาการิต้าเท่าไหร่นัก พูดมากอาจนึกไม่ค่อยออก ลองมาดูรูปที่พวกเราถ่ายมา บวกความสวยอีก 50% ในสถานที่จริง ถ้ามีโอกาสก็อย่าพลาดการไต่ขอบฟ้าแบบพวกเรานะคะ



หลังจากดื่มด่ำความงามในมุมสูงมาซักระยะตามสมควร มาการิต้าก็หันเหความสนใจของพวกเราโดยการพยายามอธิบายให้ฟังว่าตึกรามบ้านช่องในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กล้วนแล้วแต่สูงเท่าๆกัน เพราะนั่นเป็นกฎของเมืองที่ว่าห้ามสร้างสิ่งก่อสร้างใดๆก็ตามให้สูงเกินกว่าตึกของวังฤดูหนาวหรือพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ แต่ตึกนี้สูงกว่าตึกทั่วไปหน่อยนึง ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้ชัดเจน


มาการิต้าชี้ชวนให้ดูโบสถ์ข้างๆ ที่ชื่อว่าโบสถ์วลาดิเมียร์ ที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวอตาลีที่ชื่อราสเต็ลลี (Rastrelli) อีกทั้งยังชี้ชวนให้ดูถนนสายดังของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กอย่างเนฟสกี้ ปรอสเปค แต่ถึงแม้ว่าโบสตถ์จะสวยงามมากขนาดไหน หรือถนนสายดังกล่าวจะคึกคักเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศขอบฟ้าสีทองมลังเมลืองแล้วละก็ พวกเราทั้งสี่คนตกอยู่ในมนต์สะกด จนไม่สามารถกลั่นกรองคำใดๆที่จะบรรยายความสวยงามขนาดนั้นได้



มาการิต้าพาไต่หลังคา ลัดเลาะไปรอบๆเพื่อให้เห็นทัศนียภาพโดยรอบแบบ 360 องศา ทั้งแม่น้ำฟอนตานก้า (Fontanka) โบสถ์หยดเลือด โบสถ์คาซานและวิหารเซนต์ ไอแซค เรียกได้ว่าเหนื่อยแปปเดียวแต่ได้เห็นเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กในมุมที่สวยเกินฝัน อีกทั้งยังเป็นแบบพาโนรามาให้ครบสมบูรณ์อีกด้วย ถึงแม้ว่าเส้นทางการไต่หลังคาจะค่อนข้างทุลักทุเลไปบ้าง แต่นางก็ยืนยันถึงความปลอดภัย โดยการมีกำแพงเหล็กคอยช่วยเซฟเผื่อใครเผลอลื่นตกลงไป นั่นก็ช่วยทำให้พวกเราสบายใจได้มาก ก่อนที่จะเริ่มกระหน่ำชัตเตอร์กันอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเก็บรูปสวยๆมาเป็นที่ระลึก



แพ็คเกจที่ให้คู่รักสามารถมาเดทกัน มาจิบไวน์ จู๋จี๋บนหลังคาโดยนางจะจัดหาทุกสิ่งอย่างให้ก่อนเฟดตัวให้อยู่กันสองต่อสองบนหลังคา หรือจะมาขอแต่งงานบนสถานที่แบบนี้เลยก็ได้เพราะบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้มันไม่ได้หากันได้ง่ายๆ พวกเราหุบยิ้มแทบไม่ทัน ก่อนกลบเกลื่อนความโสดพร้อมปาดน้ำตาสวยๆ ด้วยการบอกว่ายังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานอะไรตอนนี้สักกะนิด


มาการิต้าเดินมาส่งพวกเราที่สถานีเมโตรที่นัดเจอครั้งแรกอีกครั้ง ก่อนแลกเปลี่ยน Facebook เผื่อมีโอกาสจะได้เจอกันอีก จบทริปครั้งนี้ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพครั้งใหม่ พร้อมความปลื้มใจนิดๆว่าในที่สุดพวกเราก็ได้มาถึงจุดที่สวยมากที่สุดอีกจุดหนึ่งของเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สุดท้ายขอบคุณสปอนเซอร์ใจดีที่ทำให้ทริปดีๆแบบน้ีเกิดขึ้นได้ แน่นอนว่าการค้นพบสถานที่พิเศษที่งดงามตราตรึงใจขนาดนี้ มันไม่สามารถเก็บไว้กับตัวเองได้ แต่ต้องแบ่งปันประสบการณ์ดีๆเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกันค่ะ


ทิ้งท้ายไปด้วยคำคมดีๆที่ฝากไว้ที่ปลายฟ้าค่ะ


ข้อมูลและภาพ: http://pantip.com/topic/32314443

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผู้หญิงรัสเซียมีดีอะไร

***สาระ*** ในประเทศรัสเซีย วันที่ 8 มีนาคมถือเป็นวันหยุดอย่างเป็นทางการของชาวรัสเซีย เนื่องด้วยความสำคัญของสตรีที่มีส่วนก่อให้เกิดเหตุการณ์สำคัญทางบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีในยุคสมัยโซเวียตที่มีส่วนร่วมในการต่อต้านสงครามและล้มล้างระบอบกษัติร์พระเจ้าซาร์ ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงและให้เกียรติวีรสตรีชาวรัสเซีย คนรัสเซียจึงให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหนุ่มๆจะมอบดอกกุหลาบให้กับหญิงอันเป็นที่รัก ราวกับเป็นวันวาเลนไทน์ของประเทศรัสเซียเลยทีเดียว ในวันผู้หญิงปีนี้ ถ้ายังไม่มีสาวจะให้ดอกไม้ ลองค่อยๆทำความรู้จักกับสาวรัสเซีย เพราะพวกหล่อนน่ะมีของ เผื่อปีหน้าอาจจะต้องเสียเงินซื้อดอกไม้ให้สาวรัสเซียก็เป็นได้ ผู้หญิงรัสเซียมีดีอะไร ทำไม๊ ทำไม หนุ่มๆทั่วโลกถึงแอบปลื้มปริ่มกันนักหนา มาดูข้อมูลจากเว็บไซต์ http://batop.ru/10-prichin-vstrechatsya-s-russkoy-devushkoy ที่อธิบายเหตุผลว่าทำไม คุณถึงควรคู่กับหญิงรัสเซีย แน่นอนเรื่องความสวย เป็นที่ร่ำลือกันมานานแสนนาน ว่าสาวรัสเซียสวยจริง เด็ดจริง เดินมา 10 สวย 8 น่ารักอีก 2 พันธุกรรมเค้าเป็

มารยาทรัสเซีย

มารยาทในรัสเซีย การทักทาย ผู้ชายจับมือทักทายกันโดยต้องจับแบบกระชับแน่นแสดงถึงมิตรภาพและความยินดีที่ได้พบกั ผู้ชายจับมือทักทายผู้หญิงความกระชับน้อยกว่าทักทายผู้ชายด้วยกัน ผู้หญิงทักทายกันโดยให้แก้มชนแก้ม 3 ครั้ง โดยเริ่มจากด้านซ้าย เมื่อผู้ชายทักทายกับเพื่อนสนิท อาจจะมีการกอดกันและตบที่หลังเบาๆ การเรียกชื่อ ชาวรัสเซียจะมีชื่อจริง ชื่อกลางหรือชื่อพ่อ และนามสกุล เรียงตามลำดับ การเรียกชื่อสำหรับคนที่ไม่สนิท จะเรียกชื่อ ชื่อกลาง และนามสกุล หรือในบางกรณีจะเรียกชื่อ และชื่อกลาง โดยชื่อกลางนั้นมาจากชื่อพ่อและเติม ‘- vich’ หรือ ‘-ovich’ ในกรณีผู้ชาย และเติม ‘-avna’ หรือ ‘- ovna’ ในกรณีผู้หญิง ชื่อพ่อว่า Ivan ดังนั้นชื่อกลางของผู้หญิงจะออกมาเป็น Ivanovna และผู้ชายออกมาเป็น Ivanovich คนสนิทหรือคนในครอบครัวจะเรียกแค่ชื่อ หรือชื่อในแบบสั้นๆ เช่น Alexander มีชื่อสั้นว่า Sasha การให้ของขวัญ  (สำหรับมอบในวันเกิดคนสนิท วันปีใหม่ และคริสมาสต์) หากได้รับเชิญจากเพื่อนรัสเซียให้เตรียมของขวัญเล็กน้อยเพื่อมอบให้เมื่อไปถึงสำหรับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมอบดอกไม้ให้เจ้าของบ้าน แต่ห้ามนำดอกไม้สีเห

เหตุผลที่คนรัสเซียไม่ยิ้ม

รัสเซีย ถือว่าเป็นชาติที่ขึ้นชื่อว่าหน้าขรึม จนนานาชาติต้องยอมแพ้ แม้แต่ชาติยุโรปหลากหลายประเทศก็ยังงงงวยว่ารัสเซียทำไมต้องบึ้งตึงขนาดนั้น เหตุผลที่คนรัสเซียไม่ยิ้ม ยิ้มแบบรัสเซีย  การยิ้มของชาวรัสเซีย จะยิ้มแค่นิดๆมุมปากหน่อยๆ การจะยิ้มเห็นฟันบนฟันล่างนั้น ก็เป็นวัฒนธรรมของเหล่าอเมริกัน ซึ่งรัสเซียไม่ทำเพราะมันเหมือน “ม้ายิ้ม” การยิ้มคือการแสดงความไม่สุภาพ  ในหลากหลายประเทศการแสดงออกถึงความสุภาพระหว่างการสนทนา อาจจะมีการยิ้มเพื่อแสดงความสุภาพและเป็นกันเอง แต่สำหรับชาวรัสเซีย รอยยิ้มระหว่างการสนทนา หรือการยิ้มเป็นมารยาท จะถูกตีค่าตามวัฒนธรรมชาวรัสเซีย คือ ความไม่ซื่อสัตย์และเสแสร้ง ชาวรัสเซียไม่ยิ้มให้คนแปลกหน้า  อีกวัฒนธรรมหนึ่งของชาวรัสเซีย คือ การไม่ยิ้มให้คนแปลกหน้า อย่างเช่น พนักงานขายจะไม่ค่อยยิ้มให้กับลูกค้าทั่วไป แต่จะยิ้มให้กับลูกค้าที่รู้จัก เชื่อกันว่าถ้าหากยิ้มให้กับคนแปลกหน้าจะเหมือนกับเป็นคนสติฟั่นเฟือนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนต้องยิ้มให้คนอื่นเห็น ยิ้มมาไม่ยิ้มกลับ  หากคุณยิ้มให้กับชาวรัสเซีย พวกเขาจะไม่ยิ่มกลับทันที แต่พวกเขาจะหาเหตุผลที่คุณยิ้มให้เขา  อาจจะหมายถึงเ